21 April 2017
ประเภทของผีที่เกี่ยวข้องกันการเหยา แบ่งได้ 4 ชนิด คือ
1. ผีหมอมนต์
2. ผีฟ้า หรือผีน้ำ
3. ผีคุณ
4. ผีมูลหรือผีตระกูล
1. ประเภทของหมอมนต์ มีพิธีกรรม เช่น เหยาเลี้ยง หรือเหยาบน (ส่วนการเกลือกไข่ กระทง ลงผีน้อย หรือผีลงยันต์นั้นเป็นส่วนประกอบ)
2. ประเภทผีฟ้า (ผีน้ำ) มีพิธีกรรม คือ
- เหยาธรรมดา
- เหยารักษาคนป่วย
- เหยาเรียกขวัญ
แต่ละพิธีจะมีกิจกรรมโดยละเอียด ดังนี้
พิธีเกลือกไข่ หาไข่ไก่มา 1 ฟอง ให้ผู้ชำนาญในการเกลือกไขทำการอธิษฐานเสี่ยงทาย หากเป็นผีคุณให้กินตา หากเป็นผีเชื้อ (ผีตระกูลบรรพบุรุษ) ให้กินปีก หากเป็นผีต้องให้กินกระดูกสันหลังแล้วใช้มือทั้งสองข้างถือไข่กวาดและถูเบาๆ ตามร่างกายของผู้ป่วยในทำนายว่าผีทำ (ผีเข้าสิง) ให้สำแดงเดชที่ไข่ตามที่อธิษฐานเสี่ยงทายแล้วทำให้ไข่แตกแกะไข่ออกให้อยู่ในชาม ใช้ใบกล้วย 1 นิ้วครึ่ง ความยามตามต้องการกลับไข่ดูด้านตรงข้ามให้เห็นเด่นชัดหากมีผีทำให้แสดงในไข่แล้วบะไว้ (สัญญาไว้) เป็นเสร็จพิธี
พิธีลงยันต์ เริ่มด้วยการทำคายขันห้าวางไว้บนหมอน ใช้ผ้ายันต์ปิดตาคนที่จะลงยันต์มือทั้งสองข้างของผู้ลงยันต์จะประนมมือนึกถึงคุณพระรัตนตรัยแล้วนั่งตามที่ตนถนัดผู้ลงยันต์จะมีอาการสั่งไปเรื่อยๆ ถ้าหากทราบเกี่ยวกับเรื่องราวใดก็จะกล่าวเรื่องนั้นออกมาในทำนองว่าผิดผีป่า ผิดผีนา ผิดผีบ้าน ฯลฯ อย่างใดอย่างหนึ่งผู้ถามก็จะถามว่าจะให้ทำอย่างไรและต้องการอะไร ผู้ลงยันต์ก็จะตอบในทำนองให้ “บน” ให้คนป่วยหายเสียก่อนหากคนป่วยหายแล้วให้แก้บนในคาย ซึ่งเรียกว่า “ขันห้า” จะมีเงิน 8 บาท ส่วนเหล้า 1 ขวด นั้นตั้งไว้นอกขันห้า (คาย) เมื่อคนป่วยหายและได้แก้บนก็เลิกคายลงยันต์ เป็นเสร็จพิธี
พิธีกระท็อง ใช้ไม้ไผ่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว ยาวประมาณ 2 นิ้ว ผ่าครึ่งโยนลงไปในกระด้งที่มีข้าวสารประมาณหยิบมือเดียว พร้อมทั้งอธิษฐานเสี่ยงทายตามความชำนาญของผู้เสี่ยงทาย เมื่อเสี่ยงเป็นที่พอใจแล้วก็จะบะไว้ (สัญญา) ในทำนองว่า ถ้าหากว่าให้คนป่วยหายแล้วจะทำการแก้บน หากไม่หายก็ไม่ต้องแก้บน เป็นเสร็จพิธี
ประเภทของการเหยา
พิธีเหยาเรียกขวัญ แต่งคาย ขันห้า มีไข่ไก่ด้วย 1 ฟอง ข้าวสาร 1 ถ้วย เงิน 6 บาท ง้าว 1 เล่ม เหล้า 1 ขวด น้ำหอม 1 ขัน หมอน 1 ใบ แคน 1 อัน พร้อมด้วยคนเป่าพอได้เวลาฤกษ์ “หมอเหยา” ก็ขับให้เข้ากับเสียงแคน ในการลำขับนี้เป็นการเสี่ยงทายหาสาเหตุว่าในขณะนี้ขวัญของคนป่วยอยู่ที่ใดและอยู่กับใคร
เมื่อหมอแคนเป่าแคน หมอเหยาก็จะลำเรียกขวัญ ขวัญของคนป่วยอยู่ที่ใดก็ให้กลับเข้ามาสู่ร่างให้ได้ เมื่อขวัญมาแล้วหมอเหยาก็จะบอกว่า ขวัญมาแล้ว และทำการผูกแขนรับขวัญคนป่วย เป็นเสร็จพิธี
เหยารักษาคนป่วย มีการแต่งคายตามแบบอย่างการเยา เรียกขวัญทุกอย่าง เพิ่มผ้าถุง 1 ผืน ผ้าขาวม้าหรือผ้าสีขาว ยาว 1 วา เงินอีก 12 บาท หมอเหยาจะเพิ่มอิทธิฤทธิ์ในการปราบผีวิญญาณที่เข้ามาสิงในร่างกายของคนป่วย เช่น การเหยียบไฟ แล้วไปเหยียบในที่เข้าใจว่าวิญญาณเข้าหลบซ่อนอยู่ในร่างกายคนป่วย ตัดกระทงหน้าวัว (คล้ายกระทงสามเหลี่ยม ใช้เฉพาะกรณีที่มีการตัดกรรมตัดเวร โดยใช้เส้นด้ายทำเป็นเชือกยาวพอประมาณข้างหนึ่ง ผู้ป่วยจับถือไว้ในลักษณะทั้งจับเหยียดขาและเท้าทั้งสองข้างไปข้างหน้าอีกข้างหนึ่งผูกติดกับกระทง หมอผีจะถือง้าวลำอ่อยลำเชิญและตัดกรรมตัดเวร พอลำมาถึงตอนตัดหมอเหยาก็ใช้ง้าวตัดด้ายให้ขาดออกจากกันเป็น 2 ท่อน แล้วนำด้ายที่ตัดไปผูกแขนผูกคอผู้ป่วยไว้ เพื่อเป็นการป้องกันวิญญาณร้ายไม่ให้เข้ามารังครวญอีก นอกจากนี้หมอเหยายังอมเทียนเป่าเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยในทุกๆ แห่งที่คิดว่าวิญญาณสิงสู่ในร่างกายของผู้ป่วยเอง
เหยาแก้บน แต่งคายตามแบบอย่างพิธีข้างต้น (เหยารักษาคนป่วย) แต่เพิ่มคายเป็น 2 คาย มีเพิ่มกระทงที่มี 9 ช่อง ให้ทำรูปช้าง รูปม้า หรือรูปวัว (แต่งคล้ายกับเครื่องสะเดาะเคราะห์) หมอเหยาจะเริ่มเหยาด้วยการแต่งชุดตามผีบอก นั่งพับเพียบด้วยการก้มและเงยศีรษะเอามือทั้งสองข้างเสยผมพร้อมกับลำบอกให้ทราบว่าผู้ป่วยได้หายจากอาการป่วยแล้ว จึงได้แต่งเครื่องสังเวยมาแก้บน ขอให้วิญญาณที่เกี่ยวข้องจงมารับเครื่องสังเวยที่จัดไว้พร้อมแล้วนี้ และทำพิธีเชิญผีออกจากร่างกายของผู้ป่วยโดยใช้ข้าวเหนียวสุกกวาดตามร่างกายของผู้ป่วยซึ่งในขณะนั้นหายดีแล้ว อยู่ในลักษณะนั่งเหยียดขาทั้งสองข้างหมอเหยาจะลำอ่อยเชิญวิญญาณที่ยังคงเหลืออยู่ให้ออกไปโดยใช้ข้าวสุกกวาดตามร่างการของผู้ป่วยแล้วทิ้งลงในกระทง ประมาณ 3-5 ก้อน แล้วทำการตัดด้ายจองเวรจองกรรม โดยหมอเหยาใช้ง้าวตัดด้ายซึ่งผูกระหว่างกระทงและมือของผู้ป่วยขาดออกเป็น 2 ท่าน ญาติผู้ป่วยจะยกกระทงนั้นออจากบริเวณบ้านไปตามทิศทางที่ “ล่าม” บอกเพื่อส่งวิญญาณและในขณะเดียวกันหมอเหยาก็จะเสี่ยงทายหาสมุนไพรเพื่อรักษาคนป่วยให้หายขาด ต่อไป