แกลเลอรี
ข้อมูลพิพิธภัณฑ์
หอรัชมงคล เป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นที่สุดและสำคัญที่สุดในสวนหลวง ร.9 เพราะเป็นอาคารที่สร้างขึ้นเพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในศุภมงคลสมัยทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2530 อาคารตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงาม ด้านหน้าคืออุทยานมหาราช มีสระน้ำพุขนาดใหญ่สามสระต่อกัน ด้านหลังคือตระพังแก้วซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขุดขึ้นตามพระราชดำริเพื่อให้เป็นที่รับน้ำ บรรเทาปัญหาน้ำท่วม
หอรัชมงคลออกแบบโดยหม่อมหลวงตรีทศยุทธ เทวกุล รูปแบบเป็นอาคารทรง 9 เหลี่ยม หลังคาใช้กระเบื้องเคลือบสีเหลืองอันเป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพ เส้นสันหลังคาสีขาวโค้งไปรวมกันที่จุดยอดเป็นสัญลักษณ์แห่งการร่วมแรงร่วมใจของปวงชนชาวไทย เสาเก้าเหลี่ยมรอบอาคารสูง 5 เมตร หมายถึงพระชนมพรรษา 5 รอบ อาคารมี 2 ชั้นเดินวนได้รอบ ตรงกลางเป็นห้องประชุมใหญ่จุคนได้ประมาณ 500 คน ชั้นล่างมีห้องประชุมและห้องรับเสด็จ ส่วนชั้นบนมีลักษณะเป็นระเบียง ระเบียงชั้นในเป็นส่วนบนของห้องประชุมที่อยู่ตรงกลาง ส่วนระเบียงชั้นนอกแบ่งออกเป็น 9 ห้อง ด้านหน้าของแต่ละห้องเป็นบานกระจกทั้งแผ่นลักษณะคล้ายตู้โชว์หน้าห้างสรรพสินค้า เพื่อให้ผู้ชมมองเห็นจากภายนอกได้ ตู้กระจกกว้าง 5 เมตร หมายถึงพระชนมพรรษา 5 รอบ วัตถุและเนื้อหาที่จัดแสดงเป็นพระราชจริยวัตรในด้านต่างๆ พระราชกรณียกิจ และของใช้ส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งชื่อห้องจัดแสดงไว้คล้องจองกัน ได้แก่ ห้องพระราชประวัติ ฝีพระหัตถ์ฝากประชา กีฬาชื่นบาน งานดนตรี พระราชกรณียกิจ พิพิธกุศลทาน ถิ่นฐานพิทักษ์ บริรักษ์ชาวนาไร่ และโครงการในพระองค์
ห้องแรก คือ ห้องพระราชประวัติ แสดงพระบรมฉายาลักษณ์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ พระบรมราชชนก พระบรมราชชนนี รัชกาลที่ 8 พระบรมฉายาลักษณ์กับพระบรมวงศานุวงศ์ และพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ฯลฯ ด้านขวามีป้ายสถานีรถไฟหัวหินตั้งอยู่มีคำอธิบายเล่าความเป็นมาว่า วันรุ่งขึ้นจากพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี โดยขบวนรถไฟพระที่นั่งจากสถานีรถไฟจิตรลดาไปยังสถานีรถไฟหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อประทับแรมที่วังไกลกังวล
ห้องต่อมา คือ ฝีพระหัตถ์ฝากประชา แสดงผลงานทางศิลปะและทางช่างของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งมีทั้งจิตรกรรมและประติมากรรม การถ่ายภาพนิ่ง การถ่ายภาพยนตร์ และงานประดิษฐ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงสนพระราชหฤทัยงานด้านจิตรกรรมตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ โดยทรงศึกษาด้วยพระองค์เอง หลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์ทรงเริ่มเขียนภาพอย่างจริงจัง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เชิญจิตรกรไทยบางท่านเข้าเฝ้าฯร่วมสังสรรค์ด้วยในบางโอกาส สำหรับจิตรกรรมฝีพระหัตถ์มีประมาณ 107ภาพ มีทั้งแนวเหมือนจริง เอ็กซ์เพรสชันนิสต์ และนามธรรม ภาพที่ทรงเขียนส่วนมากเป็นภาพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ส่วนด้านงานช่างทรงออกแบบและต่อเรือใบเอง โดยศึกษาจากตำราและผู้รู้ ทรงใช้โรงไม้ในสวนจิตรลดาเป็นสถานที่ต่อเรือมาตั้งแต่พ.ศ.2507 เรือใบที่ทรงต่อขึ้นมีหลายประเภท สำหรับประเภทม้อธ(International Moth Class) พระราชทานชื่อว่า “มด” “ไมโครมด” และ“ซูเปอร์มด”
ห้องกีฬาชื่นบาน จัดแสดงอุปกรณ์กีฬาส่วนพระองค์ และฉลองพระองค์ที่ทรงใช้ มีทั้งเรือใบ ไม้แบดมินตัน ฯลฯ รวมถึงบันทึกเหตุการณ์สำคัญที่ทรงชนะเลิศการแข่งขันเรือใบในกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 พ.ศ.2510 ร่วมกับเจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญรางวัล
ห้องงานดนตรี จัดแสดงเครื่องดนตรีหลายประเภท โดยเฉพาะเครื่องเป่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน แซกโซโฟน คลาริเนต (Clarinet) ทรัมเป็ต และกีตาร์ ทรงพระราชนิพนธ์เพลงไว้ราว 43 เพลง เพลงแรกคือ “แสงเทียน” นอกจากนั้นทรงใช้ดนตรีเป็นสื่อสร้างมิตรภาพเมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปเยือนประเทศตะวันตก บางครั้งทรงร่วมเล่นดนตรีกับนักดนตรีมีชื่อเสียง เช่น เบนนี กู๊ดแมน(Benny Goodman) แจ็ก ทีการ์เด้น (Jack Teagarden) และไลออเนล แฮมพ์ตัน(Lionel Hampton) ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนสหรัฐอเมริกา พ.ศ.2503 พระปรีชาสามารถด้านดนตรีทำให้สถาบันดนตรีและศิลปะการแสดงแห่งกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ทูลเกล้าฯ ถวายพระเกียรติให้ทรงเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ ในปีพ.ศ.2530 นอกจากนั้นยังทรงเล่นดนตรีร่วมกับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยในประเทศหลายแห่ง
ห้องพระราชกรณียกิจ จัดไว้คล้ายกับห้องทำงานคือมีโต๊ะทำงาน บนโต๊ะมีแผนที่ อุปกรณ์ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์รุ่นเก่า และชั้นหนังสืออยู่ด้านหลัง ข้อมูลจากป้ายเล่าว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงประกอบวิทยุขึ้นเองตั้งแต่ทรงศึกษาชั้นประถม ทรงออกแบบเสาอากาศจากวัสดุที่หาได้ทั่วไป แต่มีประสิทธิภาพในการรับสัญญาณในทุกภูมิประเทศ
เนื้อหาในห้องพิพิธกุศลทานกล่าวถึงงานที่ทรงช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน เช่น มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยทั่วประเทศ สงเคราะห์ด้านการศึกษา มูลนิธิราชประชาสมาสัยช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเรื้อนและครอบครัวทั้งด้านการรักษาและการศึกษา เป็นต้น ห้องถัดมาคือถิ่นฐานพิทักษ์ แสดงเกี่ยวกับการเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่างๆ วัตถุที่จัดแสดงเป็นของที่ระลึกจากประมุขและบุคคลสำคัญของประเทศนั้นๆ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระราชประสงค์ให้เกษตรกรพึ่งตัวเองได้ ทรงเน้นให้ใช้ประโยชน์จากธรรมชาติและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่ายั่งยืน ในห้องบริรักษ์ชาวนาไร่ จึงจัดแสดงเกี่ยวกับทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ทฤษฎีใหม่ในการบริหารจัดการที่ดินและน้ำเพื่อการเกษตร มีแบบจำลองแสดงการแบ่งที่ดินออกเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งปลูกข้าว ส่วนหนึ่งปลูกพืชไร่พืชสวน อีกส่วนหนึ่งขุดสระน้ำ นอกจากนั้นทรงประดิษฐ์กังหันน้ำชัยพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยแก้ปัญหาน้ำเน่าเสีย ซึ่งได้นำมาใช้ในตระพังแก้วด้วย
ห้องสุดท้ายคือห้องโครงการในพระองค์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งในบริเวณตำหนักจิตรลดารโหฐานเป็นที่ตั้งโครงการเกี่ยวกับการเกษตรกรรม ทรงทดลองปลูกข้าวในนาที่ได้จำลองลักษณะดินจากภาคต่างๆเพื่อคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพของแต่ละพื้นที่ มีพระราชดำริให้วิจัยระยะเวลาเก็บข้าวให้มีคุณภาพ ตั้งโรงสีข้าว นำแกลบมาอัดเป็นท่อนเพื่อใช้หุงต้ม ด้านปศุสัตว์ทรงทำการวิจัยครบวงจร ตั้งแต่ระบบเก็บนม การจำหน่าย และการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ภายในห้องนี้แสดงแบบจำลองโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ประกอบด้วยป่าไม้สาธิต นาข้าวทดลอง โรงสีข้าวทดลอง ยุ้งข้าว โรงบดแกลบ บ่อปลานิล โรงนมยู เอช ที โรงนมผงสวนดุสิต โรงเนยแข็งมหามงคล โรงน้ำผลไม้พาสเจอร์ไรส์ โรงบ่มเพาะเห็ด ธนาคารพืชพันธุ์ และโรงผลิตแอลกอฮอล์ เป็นต้น
ผนังรอบระเบียงชั้นบนภายในห้องประชุม ติดภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงงาน และทรงกิจกรรมต่างๆ เช่น ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับพระบรมวงศานุวงศ์ ภาพทรงกีฬาหลายประเภท เช่นสกีน้ำ สกีหิมะ เรือใบ ภาพพระราชทานคัมภีร์อัลกุรอานที่โปรดเกล้าฯให้แปลเป็นภาษาไทยแก่ผู้นำศาสนาอิสลามที่จังหวัดนราธิวาส ส่วนใต้ภาพเหล่านี้มีตู้กระจกติดผนังจัดแสดงของที่ประมุขและบุคคลสำคัญทูลเกล้าฯถวาย ในการเสด็จเยือนต่างประเทศ เช่น แจกันโลหะเคลือบสี ลวดลายดอกไม้และนก จากประธานาธิบดีแห่งประเทศไต้หวัน กระถางหยกสามขาสีเขียว สลักและฉลุลวดลาย จากสาธารณรัฐประชาชนจีน แจกันกระเบื้องเคลือบลายดอกไม้สีทอง จากประเทศญี่ปุ่น จานโลหะเงินสลักคำถวายพระพรจากนายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา และ รถม้าทำด้วยเงิน จากประธานาธิบดีประเทศอินโดนีเซีย เป็นต้น
ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมมีการจัดงานประจำปี คืองานพรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร.9 ซึ่งมีการจุดเทียนถวายพระพรในวันเฉลิมพระชนมพรรษาด้วย
ทางผู้ดูแลหอรัชมงคลได้ปรับปรุงการจัดแสดงและเพิ่มวัตถุจัดแสดงเมื่อกลางปีพ.ศ.2551 ปัญหาในการจัดแสดงคือแสงแดดซึ่งทำให้สิ่งจัดแสดงซีดจางเสื่อมสภาพไปบ้าง มีการแก้ปัญหาโดยการติดตั้งแผงกันแดดไว้บางส่วน
ข้อมูลอ้างอิง : http://www.sac.or.th/databases/museumdatabase/review_inside_ByMember_Detail.php?id=170&CID=4763
บริหารจัดการ
ประเภทพิพิธภัณฑ์
แผนที่
ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ
โทรศัพท์ : 02-328-1385-6
โทรสาร : 02-328-1387
เว็บไซต์ : http://www.suanluangrama9.or.th
วันและเวลาทำการ
เปิดทุกวัน 05.00 - 19.00 น.
ค่าเข้าชม
ค่าผ่านประตูคนละ 10 บาท ค่าจอดรถยนต์คันละ 10 บาท เก็บเฉพาะเวลา 9.00-17.00 น.
การเดินทาง
สามารถเข้าได้ 2 ทางคือ ถนนศรีนครินทร์ข้างห้างสรรพสินค้าพาราไดซ์ ปาร์ค และถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9
เนื้อหาสำหรับประชาชนทั่วไป
เนื้อหาสำหรับเด็ก
รับบัตรเครดิต
รับจองล่วงหน้า
ต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะ ติดต่อได้ที่สำนักงานมูลนิธิสวนหลวงร.9
ข้อมูลสำหรับผู้พิการ
มีทางลาด, ห้องน้ำคนพิการ
สิ่งอำนวยความสะดวก
มีที่จอดรถ