ข้อมูลพิพิธภัณฑ์
พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ ได้ตั้งตามชื่อ-สกุลของ คุณณรงค์ อยู่สุขสุวรรณ์ หรือที่ชาวปราจีนบุรี เรียกว่า “เฮียพันธ์” ซึ่งแต่เดิมนั้นประกอบอาชีพรับซื้อขายของเก่าจำพวกเศษเหล็กและโลหะ ในช่วงแรกๆ จะมีตะเกียงเจ้าพายุติดมากับพวกเศษโลหะจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่ได้ให้ความสนใจมากนักและยังขายไปในราคาเดียวกับเศษเหล็กด้วยซ้ำ แต่เมื่อมีคนมาซื้อได้ให้ราคาเป็นดวงซึ่งสูงกว่าการขายเป็นกิโลกรัมเหมือนเศษโลหะโดยให้ราคาดวงละ 50 บาท จึงได้คัดแยกไว้ขายให้คนที่ต้องการเพราะเริ่มมีคนสนใจมากขึ้นเพื่อที่จะนำไปตกแต่งให้สวยงามและขายต่อให้ชาวต่างประเทศในราคาสูง ราคาจึงพุ่งขึ้นถึงดวงละ 100 บาท นับเป็นราคาที่สูงมาก ในขณะ
นั้นคุณณรงค์จึงเริ่มสงสัยและถามผู้ที่มาซื้อจึงได้ทราบเรื่องและฉุกคิดขึ้นมาว่า หากขายออกไปจำนวนมากอาจทำให้ตะเกียงเจ้าพายุซึ่งเป็นตะเกียงที่มีเอกลักษณ์สวยงามและทนทานหมดไปจากประเทศไทยและคนรุ่นหลังอาจไม่รู้จักเพราะไม่เคยเห็นตะเกียงแบบนี้ จึงได้ตัดสินใจเริ่มสะสมโดยตะเกียงดวงแรก ก็คือ ตะเกียงขนาด 150 แรงเทียน แม้จะดูเหมือนตะเกียงเจ้าพายุทั่วไปแต่เป็นแบบดวงเล็กเห็นแล้วชอบจึงเก็บเอาไว้ และเริ่มมีตะเกียงแบบแปลกๆ
มากขึ้น และเพื่อนฝูง หรือคนรู้จักต่างก็ซื้อมาฝากด้วยสิ่งแรกที่เก็บสะสมจะเป็นตะเกียงแล้วจึงเริ่มสะสมสิ่งอื่นๆ ตามมาทีหลัง อาทิเช่น นาฬิกา จักรยาน ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เป็นต้น ประกอบกับคุณวิภาวรรณ์ อยู่สุขสุวรรณ์ ซึ่งเป็นภรรยา คุณณรงค์ อยู่สุขสุวรรณก็เป็นคนที่ชอบสะสมตู้เก่า ตู้โบราณที่ทำจากไม้สัก จึงทำให้มีของเก็บสะสมจำพวกตู้มากขึ้น พอเก็บสะสมได้มากขึ้นก็มีคนขอเข้าชมโดยที่ทางเราก็ไม่ได้เก็บเงิน แต่ก็เกิดความไม่สะดวกแก่ผู้เข้าชมเพราะพื้นที่แคบ และของบางอย่างก็ไม่สามารถที่จะวางโชว์ได้ก็จะเห็นแต่ตะเกียงเพียงอย่างเดียวเวลาที่จะดูแลคนที่มาเยี่ยมชมก็มีน้อย เพราะจะต้องดูแลกิจการร้านสหพันธ์การค้าด้วย จึงมีความคิดที่จะสร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้นเพื่อที่จะให้คนรุ่นหลังได้เห็นได้รู้จักและทราบถึงข้อมูลสิ่งของที่หาดูได้ยากเหล่านี้ ซึ่งสิ่งของที่จัดแสดงทั้งหมดนี้ใช้ระยะเวลาในการเก็บสะสมมากกว่า 30 ปี สิ่งเหล่านี้จึงถือว่าเป็นจุดกำเนิดของพิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ก็ว่าได้ พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2545 ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างเป็นเวลา 4 ปีเศษ เปิดให้เข้าชมเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2550
ภายในพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วย 5 อาคาร คือ
อาคาร 1 อาคารราชาวดี : อาคารนี้เป็นอาคารสองชั้น ในส่วนของการจัดแสดงชั้นล่างได้จัดแสดงเกี่ยวกับสิ่งของโบราณหลากหลายชนิดอาทิ เช่น เครื่องเงิน เครื่องทองเหลือง เตารีดโบราณ เครื่องปั้นดินเผา ตู้เย็นใช้น้ำมันก๊าซ เป็นต้น ในส่วนของชั้นสองเป็นชั้นที่รวบรวมตะเกียงเจ้า-พายุหลากหลายยี่ห้อ ทั้งยังมีตะเกียงที่มีการใช้งานที่แตกต่างกันไป เช่น ตะเกียงเรือ ตะเกียงฉายสไลด์ นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดของส่วนประกอบตะเกียงให้ท่านได้ศึกษาอีกด้วย
อาคาร 2 อาคารลีลาวดี : อาคารนี้เป็นอาคารแฝดที่เชื่อมต่อกันทั้งหมดซึ่งมีสองชั้นรวมหกห้องโดยแบ่งเป็นสองชั้น ชั้นล่างประกอบไปด้วย
ห้องราชพฤกษ์ ได้จัดแสดงเกี่ยวกับถ้วยชามโบราณ ถาดกระเบื้อง โถพู ขวดน้ำมะเน็ด ซึ่งเป็นขวดน้ำอัดลมสมัยก่อน
ห้องชัยพฤกษ์ ส่วนใหญ่ของที่จัดแสดงจะเป็นเครื่องทองเหลือง อาทิ เซี่ยนหมาก ทองเหลือง ขันลงหิน เตาน้ำมันก๊าซ ตะเกียงลาน
ห้องกัลปพฤกษ์ ใครที่ชื่นชอบเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์และรถจักรยานต้องไม่พลาด ภายในห้องนี้ได้รวบรวม รถจักรยานหลากหลายยี่ห้อรวมไปถึงรถจักรยานยนต์ที่มีหลักการทำงานเป็นสองส่วนคือการใช้เป็นจักรยาน(ถีบ)หรือเป็นรถจักรยานยนต์ก็ได้
ห้องทองกวาว ห้องนี้จะเห็นได้ว่าเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ เพราะภายในห้องนี้จะป็นของสะสมที่เป็นของเล่นสังกะสี โดยส่วนใหญ่ และยังมีสามล้อถีบของเด็กในสมัยก่อน ซึ่งเป็นห้องที่เด็กๆจะได้เห็นวิวัฒนาการของของเล่นอดีตจนถึงปัจจุบัน
ห้องทองหลาง ภายในห้องนี้ได้จัดแสดงในเรื่องของพระ เช่น พระ-ผง พระเหรียญ รวมถึงรูปพระเก่าไว้มากมายหลายแบบ รวมทั้งพระเครื่องที่ขึ้นชื่อของจังหวัดปราจีนบุรี
ห้องทองพันชั่ง เป็นการรวบรวมเกี่ยวกับเครื่องคำนวณ ตราชั่งและเครื่องตวงวัดในรูปแบบต่างๆ เช่น ตราชั่งคัน ซึ่งมีตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ในการจัดแสดงของอาคารหลังนี้ ได้จัดแสดงสิ่งของไว้เป็นหมวดหมู่ โดยในแต่ละห้องจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป
อาคาร 3 อาคารชวนชม : อาคารนี้เป็นอาคารชั้นเดียวอาคารแห่งนี้จัดแสดงในเรื่องของรูปเก่าของเมืองปราจีนบุรีในสมัยก่อน และรูปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเสด็จมาเยือนปราจีนบุรี ณ วัดแก้วพิจิตร และยังมีหนังสือเก่านานาชนิด เช่นหนังสือพิมพ์ที่วางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2515 หนังสือการ์ตูนและสำหรับผู้ที่ชื่นชอนในเรื่องของแสตมป์ ทางพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงแสตมป์ที่สำคัญ ๆ ไว้หลายชุดด้วยกัน รวมถึงยังมีล็อตเตอรี่รุ่นแรกของประเทศไทยอีกด้วย
อาคาร 4 อาคารเจ้าพายุ : อาคารนี้เป็นอาคารที่สร้างจากรูปแบบของตะเกียงเจ้าพายุ โดยมีส่วนสูงประมาณ 13 เมตร ซึ่งภายในอาคารนี้ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปเพื่อชมวิวโดยรอบได้ เมื่อทุกท่านได้พบกับของสะสมนานาชนิดที่ทำให้ท่านได้ย้อนสู่อดีตแล้ว ทางพิพิธภัณฑ์ยังมีสถานที่ที่ให้ท่านได้พักผ่อนหย่อนใจไปกับธรรมชาตินั่นคือ บ่อปลา และกรงนกขนาดใหญ่ ที่มีนกสวยงามนานาชนิดให้ท่านได้ชื่นชม เช่น นกยูงไทย ในปัจจุบันหาดูได้ยากแล้วยังมีบ่อเต่ารวมไปถึงบ่อจระเข้อีกด้วย และจุดหลังสุดของพิพิธภัณฑ์ท่านจะได้พบกับอาคารสุดท้าย
อาคาร 5 อาคารฟ้าประดิษฐ์ : ซึ่งที่นี่ท่านจะได้พบกับเรือหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเรือขุดที่ใช้ต้นไม้ทั้งต้นมาทำเรือขุดเพียงลำเดียวและภายในโรงเรือยังมีเรือนเครื่องผูก ซึ่งเป็นบ้านที่สร้างจากไม้ไผ่โดยไม่ต้องใช้ตะปูหรือลวดในการก่อสร้างเลย และภายในบ้านได้จัดข้าวของเครื่องใช้ในการดำรงชีวิตสมัยก่อน ให้เยาวชนได้ศึกษาอีกด้วยและนี่เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่จะนำให้ท่านหลบพักความวุ่นวายในสังคมเมืองแล้วมาพักผ่อนพร้อมย้อนอดีตไปกับที่แห่งนี้
บริหารจัดการ
ประเภทพิพิธภัณฑ์
วัตถุจัดแสดงที่มีความสำคัญ / สิ่งที่น่าสนใจ
ของสะสมโบราณ เช่น ตะเกียงเจ้าพายุ
แผนที่
ที่อยู่และเบอร์ติดต่อ
โทรศัพท์ : 037-218511, 037-218512, 081-2958218
เว็บไซต์ : http://www.yusuksuwan.com/history.php
วันและเวลาทำการ
เปิดทำการทุกวัน 09.00 น. - 17.00 น.
ค่าเข้าชม
ชาวไทย ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 30 บาท ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 100 บาท ชมเป็นหมู่คณะ 15 คนขึ้นไป ได้รับส่วนลด 20%
การเดินทาง
โดยรถยนต์ มีหลายเส้นทางดังนี้
จากกรุงเทพฯ สายรังสิต-นครนายก มาตาม คลองรังสิต-นครนายกและจากนครนายกมาผ่านทางบ้านปากพลี ถึงสามแยกหนองชะอมมาได้ 2 ทาง คือ จากสามแยกไฟแดง หนองชะอมเลี้ยวขวาเข้าเขตอำเภอเมือง ตรงมาตลอดผ่านสี่แยกไฟแดง(ศูนย์ราชการจังหวัด) ตรงมาเรื่อยๆพอถึงสี่แยกไฟแดง (แขวงการทาง)เลี้ยวซ้ายเข้าตัวเมือง ผ่านสถานีตำรวจภูธร ถึงสี่แยกไฟแดง ให้ตรงไปสุดทางจะผ่านวัดแก้วพิจิตร เลี้ยวซ้ายจะพบสี่แยก ไฟแดงชิดขวาแล้วเลี้ยวขวาไปเรื่อยๆ จะเจอทาง สาม แยกให้เลี้ยวซ้ายตรงไป จุดสังเกตก่อน ข้ามทางรถไฟทางด้านขวามือจะเห็นที่ทำการ อบต.ดงพระราม พอข้าม ทางรถไฟไปประมาณ 2กิโลเมตรก็จะถึงพิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ หรืออีกทางจากสามแยก ไฟแดงหนองชะอม ตรงไป จะถึงจุดสำคัญ คือสี่แยกวงเวียนให้ตรงไปจะผ่านหน้าศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช, ผ่านทางเข้า น้ำตก เขาอีโต้, ผ่านสะพาน3 สะพาน ซ้ายมือจะเป็นปั๊มน้ำมัน ปตท. ให้เตรียมเลี้ยวขวาเข้าแยกถนนบ้านดงบัง จะมีร้าน ขายดอกไม้ประดับตลอดเส้นทางขับจนสุดถนน ให้เลี้ยวขวามาทางเข้าเมืองประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก็จะเห็น พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุววรณ์ อยุ่ทางด้านขวามือท่าน
- กรุงเทพฯ สายมีนบุรี ถนนสุวินทวงศ์ - บางน้ำเปรี้ยว – บ้านสร้าง – ปราจีนบุรี มาตามเส้นทางถนนสุวินทวงศ์ ประมาณ 20 กิโลเมตร จะเห็นปั๊มน้ำมัน ปตท. อยู่ด้านซ้ายมือ เลยมาอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร เจอสามแยกไฟแดงจะมีป้ายบอกว่าบางน้ำเปรี้ยว – ปราจีนบุรี ให้เลี้ยวซ้ายมาจนถึงสี่แยกไฟ แดงแรกให้เลี้ยวขวามาทางบางน้ำเปรี้ยว เมื่อมาถึงสี่แยกไฟแดงที่สองให้ตรงมาจนข้ามสะพานแม่น้ำบางประกง เข้าเขตจังหวัดปราจีนบุรีจะผ่านโครงการส่วนพระองค์ ตรงมา ตลอดจนเจอสี่แยกไฟแดงบ้านสร้าง ให้มาตามทาง บ้านสร้าง – ปราจีนบุรี ประมาณ 20 กิโลเมตร ก็ถึงสะพานเลี้ยวซ้ายข้ามสะพาน จะพบสี่แยกไฟแดง ให้เลี้ยวขวา มาในตัวเมืองปราจีนบุรี จะเจอสี่แยกไฟแดงให้ตรงไปจนสุดทางจะผ่านวัดแก้วพิจิตร เลี้ยวซ้ายจะพบ สี่แยกไฟแดง ชิดขวาแล้วเลี้ยวขวาไปเรื่อยๆ จะเจอทางสามแยกรถไฟมาประมาณ 2 กิเมตร ก็จะถึงพิพิธภัณฑ์ อยู่สุขสุวรรณ์
- จากทาง ฉะเชิงเทรา – บางน้ำเปรี้ยว – ปราจีนบุรี จากจังหวัดฉะเชิงเทรา จะมาเส้นทางเดียวกับเส้นทางมีนบุรีก็ได้ แต่ต้องมาทางฉะเชิงเทรา – บางน้ำเปรี้ยว – บ้านสร้าง – ปราจีนบุรี มาจากทาง ฉะเชิงเทรา – พนมสารคาม – ปราจีนบุรี แต่ถ้ามาทางถนนสาย 304 ก็จะผ่าน สี่แยกไฟแดงบางคล้า, ผ่านสี่แยกพนมสารคาม ตรงมาจะมีป้ายบอกไปปราจีนบุรี ให้เลี้ยวซ้าย ท่านจะผ่าน วัดสระมรกต, ผ่านสี่แยกไฟแดงโคกปีบ ตรงมาจนถึงสามแยกไฟแดง ถนนเลี่ยงเมือง ให้เลี้ยวขวาจะพบสี่แยก ไฟแดงให้ตรงข้ามสะพานมาจะพบสี่แยกไฟแดงให้ท่านเลี้ยวขวามาอีกประมาณ 6 กิโลเมตรก็จะถึง พิพิธภัณฑ์ อยู่สุขสุวรรณ์
- จากทาง นครราชสีมา – กบินทร์บุรี – ปราจีนบุรี จากโคราชมาทางวังน้ำเขียว มาถึงสี่แยกไฟแดงกบินทร์บุรี(สี่ยากสามทหาร) ให้เลี้ยวตามถนนสุวรรณศร(33) มาถึงสี่แยกไฟแดงอำเภอ ประจันตคาม ให้ตรงมาอีกประมาณ 800 เมตร จะพบสามแยกไฟแดงให้เลี้ยวซ้ายเข้า ถนนปราจีนตคาม ขับตรงมาประมาณ 12 กิโลเมตรก็จะเห็นพิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ อยู่ทางด้านขวามือของท่าน
เนื้อหาสำหรับประชาชนทั่วไป
เนื้อหาสำหรับเด็ก
รับบัตรเครดิต
รับจองล่วงหน้า
กรณีเข้าชมเป็นหมู่คณะจะต้องทำหนังสือก่อนขอเข้าเยี่ยมชม
สิ่งอำนวยความสะดวก
มีลานจอดรถ